Skip to content

สื่อสารได้เหมือนอยู่ใกล้กันกับระบบ Video Conference คืออะไร ? มีโปรแกรมอะไรบ้างที่น่าสนใจ

ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการทำงานระยะไกลกันมากขึ้น โดยเฉพาะ Video Conference คือระบบประชุมทางไกลที่ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็กหรือใหญ่ต่างก็นิยมใช้เพื่อการทำงาน ติดต่อสื่อสารเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดของระยะทาง โดยมักจะเห็นการใช้ระบบ Video Conference ในงานสำคัญต่าง ๆ เช่น การประชุมงาน รวมถึงสถานศึกษาต่าง ๆ ก็นิยมนำมาใช้ในการเรียนการสอนด้วย เนื่องจากมีความทันสมัย รวดเร็ว และผู้สื่อสารทั้งสองฝ่าย สามารถสื่อสารโต้ตอบได้แบบทันที

คนกำลังประชุมผ่าน Video Conference

Video Conference คืออะไร

การประชุมระยะไกล หรือ Video Conference คือ การประชุมที่ผู้เข้าร่วมประชุมอยู่คนละที่กัน สามารถพูดคุย ได้รับภาพและเสียงเสมือนพูดคุยกันแบบตัวต่อตัวจริง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมในรูปแบบต่าง ๆ เป็นตัวเชื่อมต่อถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายโทรศัพท์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรหรือแลน เครือข่าย Over Internet Protocol และที่นิยมที่สุดก็คือ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และมีเทคโนโลยีโครงข่ายที่ทันสมัยและราคาถูกนั่นเอง  

อุปกรณ์สำคัญเพื่อการ Video Conference อะไรบ้าง ?

การเลือกใช้อุปกรณ์เพื่อการ Video Conference คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การประชุมทางไกลดูเป็นมืออาชีพและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้การประชุม ปรึกษาหารือเรื่องสำคัญต่าง ๆ ผ่านไปได้อย่างราบรื่น มีความเข้าใจตรงกัน โดยอุปกรณ์หลัก ๆ ที่ต้องใช้เพื่อการ Video Conference คือ

กล้องจับภาพ

1.กล้องจับภาพ ใช้จับภาพผู้เข้าร่วมประชุมที่จะมีการแสดงภาพแบบ HD เพื่อทำการส่งเข้า CODEC (โคเด็ก) แปลงและบีบอัดสัญญาณ มีระบบเซอร์โว เพื่อควบคุมมาจากระยะไกลให้ปรับมุมมองได้ ซูมเข้าออกจากภาพได้ โดยกล้องจับภาพนี้มักใช้กรณีที่ห้องประชุมขนาดใหญ่ มีผู้ร่วมประชุมจำนวนมาก 

2.จอรับภาพ มักจะเป็นจอฉากสีขาวขนาดใหญ่ที่จะใช้รับภาพจาก Projector โดยสามารถเลือกขนาดให้เหมาะสมตามขนาดพื้นที่ในห้องได้ ซึ่งการประชุมใหญ่ ๆ  อาจเพิ่มให้มีได้ทั้งจอฝั่งผู้พูด จอภาพสำหรับนำเสนอ  

ลำโพงและไมโครโฟน อาจเรียกรวม ๆ ได้ว่าระบบเครื่องเสียงชุดประชุม ที่มีทั้งเครื่องขยายเสียง เครื่องควบคุมเสียง เครื่องผสมสัญญาณเสียง ลำโพงและไมโครโฟนที่ราคาก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของอุปกรณ์  

4.รีโมทคอนโทรล การใช้รีโมทคอนโทรลเป็นอีกอุปกรณ์ที่สำคัญเช่นกัน หากต้องประชุมในห้องขนาดใหญ่ ผู้เข้าร่วมประชุมมีจำนวนมาก การใช้รีโมทคอนโทรลจะทำให้สะดวกในการนำเสนอมากขึ้น เพราะจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมาเพื่อกดหน้าจอ เปลี่ยนสไลด์ต่าง ๆ 

ผู้หญิงกำลังใช้รีโมทคอนโทรลในห้องประชุม

5 วิธีเลือกระบบ Video Conference ให้ตอบโจทย์การใช้งาน

การจะเลือกใช้ระบบ Video Conference ที่ดีจะทำให้การติดต่อสื่อสาร การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น แล้วระบบ Video Conference ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร ต้องเลือกจากอะไร เพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีติดขัด แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ และยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อให้กับธุรกิจของคุณได้อีกด้วย โดยคุณสมบัติสำคัญที่ควรต้องมี คือ

1.Cloud Recording

การมี Cloud Recording ช่วยจัดเก็บข้อมูลจะทำให้สามารถประหยัดเวลาและประหยัดพื้นที่จัดเก็บด้วย เช่น การต้องให้พนักงานบันทึกการประชุมเป็นเวลานาน ๆ และจัดเก็บไฟล์เอาไว้บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้ต้องเสียพื้นที่จัดเก็บจำนวนมาก แต่การมี  Cloud Recording จะช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้มากขึ้น ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุม ไม่จำเป็นต้องนั่งจดบันทึกโดยละเอียดระหว่างพูดคุยกัน พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมกับการประชุมได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดข้อมูลสำคัญอะไรไป อีกทั้งคนที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม Video Conference ก็สามารถเข้ามาดูประชุมย้อนหลังได้อีกด้วย

พนักงานกำลังประชุมผ่าน Video Conference ในห้องประชุม

Cloud Recording ช่วยให้ผู้เข้าร่วมการประชุมสามารถเข้าถึงและแชร์การประชุมที่บันทึกไว้ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยทั่วไปแล้วการบันทึกจะถูกจัดเก็บไว้ในระบบคลาวด์ ทำให้บุคคลที่ได้รับอนุญาตสามารถเรียกดูได้ทันที และดูได้จากทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายในการทำงานร่วมกัน

2.ระบบความปลอดภัย

การประชุมกันภายในองค์กร หรือ การประชุม Video Conference ระหว่างองค์กร ส่วนใหญ่จะเป็นการประชุมซึ่งมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจ หรืออาจมีข้อมูลสำคัญส่วนบุคคล ต่างเป็นข้อมูลลับที่ไม่สามารถเปิดเผยสู่ภายนอกได้ ทำให้ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีด้วย เช่น

  • ระบบป้องกันหรือการขออนุญาตบันทึกหน้าจอ 
  • ระบบป้องกันการบันทึกหรืออัดเสียง 
  • ระบบป้องกันหรืออนุญาตให้เข้าประชุม ได้โดยต้องใส่ รหัสผ่านก่อน   
  • ระบบการอนุญาตปิดเสียง-เปิดเสียง และจะพูดได้เมื่อผู้เป็น host อนุญาตเท่านั้น

3.รับมือกับความไม่เสถียรภาพของ Internet ได้

ระบบในแบบเก่าอาจจะไม่รองรับการใช้งานที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตที่คุณภาพสัญญาณไม่เสถียรอย่างในปัจจุบัน และหากเลือกใช้อินเทอร์เน็ตราคาถูกก็อาจทำให้เกิดปัญหาติดขัดในการประชุมได้ ทำให้การเลือกใช้ระบบ Video Conference ที่ดีต้องสามารถรับมือกับอินเทอร์เน็ตที่ไม่มีความเสถียรได้อย่างดี เพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น

4.ต้องมีฟังก์ชันการแชร์หน้าจอ

จะขาดฟังก์ชันที่สำคัญในข้อนี้ไปไม่ได้นั่นคือ ฟังก์ชันการแชร์หน้าจอ (Share Screen) เพื่อให้ทุกคนได้เห็น Presentation วิดีโอ ภาพ เสียง หรือหน้าจอการใช้งานขณะนั้น ซึ่งระบบที่ดีควรจะรองรับการแสดงผลได้กับทุกอุปกรณ์ทั้งคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ และรองรับทุกระบบปฏิบัติการที่หลากหลายทั้ง Windows, Mac, IOS และ Android ทำให้ผู้เข้าร่วมทุกคนสามารถเข้าร่วมและดูเนื้อหาจากการแชร์หน้าจอได้อย่างไม่มีติดขัด

5.ต้องมีฟังก์ชัน Virtual Background และระบบ Retouch

บางครั้งการต้องประชุม Video Conference ก็มีการต้องออกไปด้านนอก หรือฉากด้านหลังเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยเรียบร้อย และไม่ต้องการให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นฉากด้านหลัง จึงอาจจะต้องมีการใช้ Virtual Background ที่เราสามารถเลือกได้มาใส่ไว้ด้านหลัง หรือการฟังก์ชันรีทัช เพื่อทำให้หน้าตา ผิวหน้าดูดีเรียบเนียนขึ้น เพื่อให้ดูมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นได้ในการประชุมที่จริงจัง หรือต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเองและองค์กร

การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในระบบ Video Conference

ขั้นตอนการติดตั้งระบบ Video Conference มีอะไรบ้าง ?

หลังจากเตรียมอุปกรณ์ และเข้าใจถึงระบบการทำงานของ Video Conference ว่ามีอะไรบ้างแล้ว ? ก็มาดูกันดีกว่าว่าขั้นตอนการติดตั้งมีอะไรบ้าง ดังนี้

  1. เชื่อมต่อกล้องจับภาพเข้ากับตัวแปลงสัญญาณ และต่อเข้ากับอุปกรณ์หลัก เช่น คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปส่วนตัว เป็นต้น
  2. เชื่อมต่ออุปกรณ์หลักเข้ากับเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ รวมทั้งระบบเสียง
  3. ตรวจสอบการใช้งาน ว่าสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ ก่อนการ Video Conference จริงจะเริ่มต้นขึ้น

โปรแกรมยอดฮิตสำหรับ Video Conference คืออะไรบ้าง

ทำความรู้จักกับ Video Conference มาพอสมควรแล้ว มาดูกันว่าแล้วแอปพลิเคชั่น หรือโปรแกรมยอดฮิตสำหรับ Video Conference คืออะไรบ้าง ดังนี้ 

1. Zoom

สำหรับโปรแกรม Zoom เรียกได้ว่าในช่วง 3-4 ปีมานี้ ก็ต้องเคยได้ยินกันอย่างแน่นอน โดย Zoom เป็นแพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งวิดิโอ ภาพ เสียงและแชตในรูปแบบออนไลน์ โดยทำให้การเชื่อมต่อ หรือการสื่อสารสามารถเข้าใกล้กันได้มากยิ่งขึ้น โดยมีระบบปฏิบัติการรองรับทั้งบนระบบ Android และ App Store หรือสามารถดาวน์โหลดเป็นโปรแกรม และใช้งานผ่านเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ เลย

2. Google Meet

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า Google มีการให้บริการแพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์ที่สามารถใช้งานได้ฟรี อย่าง Google Meet นั่นเอง มาด้วยลักษณะการใช้และหน้าตาเว็บไซต์ที่ friendly สามารถใช้งานได้ง่าย สามารถใช้งานได้ทั้งวิดิโอ เสียงและแชต ซึ่งการใช้งานจะเชื่อมกับระบบปฏิบัติการอื่น ๆ บน Google Workspace อีกด้วย 

3. Microsoft Teams

อีกหนึ่งโปรแกรมที่หลาย ๆ คนน่าจะได้เคยมีโอกาสลองใช้กันมาบ้าง อย่าง Microsoft Teams อีกหนึ่งแพลตฟอร์มสำหรับการประชุมออนไลน์ นิยมใช้งานผ่าน Microsoft Office เป็นหลัก ซึ่งสามารถใช้งานได้ทักวิดิโอ เสียงและแชตเช่นเดียวกันกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ Microsoft Teams แตกต่างจาก Video Conference อื่น คือความปลอดภัยของข้อมูลการประชุมนั่นเอง เหมาะสำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องการแพลตฟอร์มสามารถใช้งานได้สะดวก

ประโยชน์ของการใช้ Video Conference คืออะไรบ้าง ?

  • ลดช่องว่างระหว่างการสื่อสารให้ง่ายมากยิ่งขึ้น
  • สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา 
  • ประหยัดพื้นที่ในการทำงาน และไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
  • สามารถนำมาใช้ในวงการศึกษา เพื่อให้หลาย ๆ คนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น

สรุป

ระบบ Video Conference คือจะเข้ามาทำให้การประชุมทางไกลขององค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น จึงควรลงทุนกับระบบที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ากับองค์กร ข้อดีและข้อเสียของ Video Conference นั้นก็มีแตกต่างกันไป จึงควรพิจารณาเลือกใช้แต่ละระบบให้ดี มีมาตรฐาน ทันสมัย มีฟังก์ชันตอบโจทย์ตามที่ต้องการ

Project PRO ตัวแทนจำหน่ายโปรเจคเตอร์ และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เพื่อใช้ในงานระบบ Video Conference เรามีบริการครบวงจร ยินดีให้คำปรึกษา พร้อมบริการจัด-ส่ง และงานติดตั้งวางระบบ รวมทั้งบริการซ่อมบำรุง และให้เช่าโปรเจคเตอร์จากทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ