Skip to content

สิ่งที่ควรรู้เบื้องต้นในการการซื้อโปรเจคเตอร์

นอกจากจะเลือกโปรเจคเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานหลักๆแล้ว คุณภาพของเครื่อง สี และวัสดุ ก็มีผลแต่นั้นเราสามารถเช็คได้จากภายนอกจากความชอบในตัวเครื่องนั้นๆ

มีทริคควรทราบเล็กๆน้อยๆในการเช็คสเปคเครื่องโปรเจคเตอร์ที่เราต้องการทราบความหมายง่ายๆไม่กี่ข้อ ก็ทำให้คุณเลือกโปรเจคเตอร์ที่เหมาะกับการใช้งานโดยไม่ทำให้เสียเวลาอีกด้วย

เพราะเราจะมีสเปคในใจ ราคา และตัดตัวเลือกอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในใจออกไปได้ เพียงเท่านี้ คุณก็ได้โปรเจคเตอร์ที่เหมาะกับการใช้งานและเหมาะกับคุณได้อย่างลงตัว

Resolution ความละเอียดภาพ : เรามักจะพบความละเอียดของโปรเจคเตอร์อธิบายกับทั้งตัวเลขและตัวย่อความละเอียดที่สูงขึ้นหมายถึงภาพละเอียดมากขึ้นซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นขนาดของภาพฉายที่ได้ แบ่งเป็นระดับดังนี้

SVGA (800 x 600) : ความละเอียดดีปานกลางราคาไม่แพงและคุณภาพสมราคา
XGA (1024 x 768) : ความละเอียดดีมาก นี่คือความละเอียดที่มีเหมาะสำหรับภาพยนตร์และโทรทัศน์ หรืองานพรีเซ้นท์สำคัญต้องการความเนี้ยบ
WXGA (1280 x 800) : ความละเอียด XGA ในรูปแบบไวด์สกรีน มันทำงานสวย ๆ เหมาะสำหรับโฮมเธียเตอร์
Full HD (1920 x 1080) : ความละเอียดนี้สำหรับคอหนังที่ต้องการภาพคมชัดดูหนังได้อย่างสะใจ
WUXGA (1920 x 1200) : ความละเอียดนี้สำหรับคอหนังเช่นเดียวกันกับ Full HD แต่ต้องการ scale 16:10
UHD (4K) (3840 x 2160) : ความละเอียดนี้คมชัดพิเศษสุดๆ ที่หลายๆคนเรียกกันว่าคมชัดระดับ 4K

Brightness ความสว่าง : โปรเจคเตอร์ส่วนใหญ่จะผลิตความสว่างและมีหน่วยเป็นLumens, ประมาณ 200 ถึง 15,000
1) ต่ำกว่า 2,000 ANSI Lumens การใช้งานเหมาะสำหรับการนำเสนอที่มีจำนวนผู้ชมเป็นกลุ่มย่อย ๆ และมีแสงสว่างรบกวนน้อย เช่นใช้ในบ้าน หรือในที่ประชุมกลุ่มย่อย เป็นต้น
2) 2,000 – 3,500 ANSI Lumens เป็นเครื่องฉายที่เหมาะสำหรับการนำไปใช้กับห้องเรียนหรือห้องสัมมนาได้
3) 3,500 – 5,000 ANSI Lumens เหมาะสำหรับการนำไปใช้กับห้องประชุมขนาดกลางที่มีผู้ชมประมาณ 100 – 250 คนได้
4) 5,000 ANSI Lumens ขึ้นไป เป็นเครื่องฉายที่เหมาะสำหรับการติดตั้งในห้องประชุมที่มีจำนวนผู้ชมมาก ๆ หรือห้องใหญ่ ๆ ที่บรรจุผู้ชมได้มากกว่า 5,000 คน ซึ่งต้องใช้จอฉายขนาดใหญ่ อาจจะต้องใช้เครื่องที่มีกำลังส่องสว่างมากกว่า 10,000 ANSI Lumen ขึ้นไป

DLP Projector

DLP Projector (Digital light Processing) หรือเรียกชื่อย่อๆ ว่า DLP นั้น มีหลักการทำงานค่ายๆ คือใช้ต้นกำเนิดแสง (Light Source) ยิงผ่านกงล้อแม่สี (Color Wheel) จากนั้นจะไปตกกระทบกับชิพ DLP แล้วค่อยส่งต่อไปยังเลนส์ก่อกำเนิดมาเป็นภาพให้เราได้เห็นกัน ดังนั้นหากพิจารณาจากโครงสร้างแล้วจะเห็นได้ว่าโปรเจคเตอร์ชนิดนี้กงล้อแม่สีมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากโปรเจ็คเตอร์ไม่สามารถควบคุมการหมุนของกงล้อแม่สีได้ดีพอก็จะเกิดอาการ Rainbow Effect หรือก็คือเห็นรุ้งบนภาพที่ฉายออกมานั่นเอง อย่างไรก็ตามอาการนี้ไม่ได้หมายความว่าจะสังเกตเห็นได้ทุกคน และยิ่งเป็นรุ่นระดับราคาที่สูงขึ้น ปัญหา Rainbow Effect นี้จะยิ่งลดน้อยลงจนแทบไม่เป็นประเด็น

ส่วนจุดเด่นที่ทำให้ DLP Projector น่าสนใจมีอยู่หลายประการด้วยกัน เริ่มจากระบบการฉายภาพของ DLP Projector นั้นค่อนข้างที่เป็นระบบปิดจึงทำให้มีโอกาสน้อยมากที่ฝุ่นละอองจะเข้าไปกระทบกับระบบฉายภาพ และโดยพื้นฐานแล้วความสว่างของ DLP Projector ยังมากกว่าแบบอื่นๆ อีกด้วย เพราะต้นกำเนิดแสง (Light Source) ที่ไม่ได้ตายตัว ในรุ่นสูงๆ จะมีความสว่างมากกว่าแบบอื่นๆ ในระดับราคาเดียวกัน ดังนั้นแม้จะเอาไปฉายในห้องที่ไม่ได้คุมแสงได้ 100% ก็ยังคงให้ภาพที่ดีอยู่

นอกจากในเรื่องของความสว่างแล้ว DLP Projector ยังมีภาพเคลื่อนไหวที่ดี ทำให้มีหลายคนนำไปเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเกมคอนโซลอย่าง PlayStaion หรือ Xbox ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมส์ให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น และ DLP Projector รุ่นที่ใช้ Single DMD-chip จะให้ความคมชัดได้ดี ไม่มีปัญหาสีเหลือม และไม่มีความจำเป็นต้องทำ Panel Alignment ในเมื่อรู้หลักการทำงานของ DLP Projector กันคร่าวๆ แล้วคราวนี้เราก็มาดูกันว่าจุดเด่นที่สุดของ DLP Projector มีอะไรบ้าง

1. โรงภาพยนตร์ก็เลือกใช้ DLP Projector
ดีขนาดไหนไม่รู้ แต่สิ่งที่การันตีได้เลยก็คือภาพที่เราเห็นเมื่อตอนเข้าไปนั่งชมในโรงภาพยนตร์นั้นมาจาก DLP Projector ดังนั้นถ้าอยากได้ภาพสไตล์โรงภาพยนตร์ และเข้าถึงอารมณ์ที่สุดก็ต้องยกให้ DLP Projector

2. เมื่อเทียบเพดานราคาเดียวกัน DLP Projector มีภาษีดีกว่า
หากเราจะเลือกซื้อสินค้าสักอย่างหนึ่ง อันดับแรกที่ควรทำคือการเปรียบเทียบสเปคสินค้ากับราคาที่จับจ่ายออกไป สำหรับในตลาดโปรเจคเตอร์ เทคโนโลยีแบบ DLP นั้นมีสเปคที่สูงกว่าเทคโนโลยีอื่น

3. DLP Projector ที่ใช้ Single DMD-chip จะไม่มีปัญหาสีเหลื่อม ให้ความคมชัดมากกว่าปกติ
Projector ระดับเริ่มต้นที่มี Native Resolution 720p หากดูในระยะใกล้น้อยจะเห็นว่าภาพมันไม่คมชัดเท่าที่ควร ทว่ากับ DLP Projector จะให้ภาพที่คมชัดมากกว่า

4. มีความสว่างสู้แสงแวดล้อมได้ดี ไม่ต้องเป็นห้องที่คุมแสง 100% ก็ยังคงให้ภาพที่สดใส
Lumens หรือค่าความสว่างของภาพนั้นส่งผลต่อการรับชมไม่น้อย บางท่านไม่ชอบที่จะปิดไฟสนิทแล้วดูภาพ ชอบให้มีแสงสลัวๆ หน่อยๆ หรือแม้กระทั่งมีแสงแวดล้อมเข้ามาบ้าง ซึ่ง DLP Projector มีค่าความสว่างที่ค่อนข้างสูงทำให้สู้แสงได้ดี

5. มีค่า Response Time ต่ำ สามารถนำมาใช้ต่อกับเครื่องเกมคอนโซลเพื่อเล่นเกมได้
DLP Projector มีค่า Response Time ที่ค่อนข้างต่ำ (ขึ้นอยู่กับแต่ละโหมดด้วย) ทำให้สามารถนำมาเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเกมอย่าง Xbox หรือ PlayStation เพื่อฉายภาพสำหรับเล่นเกมได้ รับรองว่าผู้เล่นพอกดปุ๊บ ภาพแสดงผลปั๊บ

6. ภายในระบบฉายภาพนั้นเป็นระบบปิดทำให้มีโอกาสน้อยมากๆ ที่ฝุ่นจะเข้าไปเกาะ
ฝุ่นนั้นถือเป็นปัญหาที่สร้างความปวดเศียรเวียรเกล้าให้กับผู้ใช้ Projector เป็นจำนวนมาก เพราะหากว่ามีฝุ่นเข้าไปเกาะหน้าชินเลนส์หรือ เข้าไปเกาะภายในตัวชิปที่ใช้สร้างภาพแล้ว ปัญหาเรื่องจุดดำในภาพ ความร้อนของเครื่องก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ทว่าระบบสร้างภาพของ DLP Projector นั้นเป็นแบบปิด จึงมีโอกาสน้อยมากๆ ที่ฝุ่นจะเข้าไปเกาะกับชิป ผู้ใช้เพียงแค่ระวังฝุ่นที่หน้าเลนส์ฉายก็พอ

สิ่งเหล่านี้คือข้อดีของ DLP Projector ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่อยากเริ่มต้น หรือคนที่กำลังมองหา Projector มาใช้แทนทีวีเครื่องเดิม DLP Projector คือเทคโนโลยีภาพที่โรงภาพยนตร์เลือกใช้แทบไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นเกาะกินใจแบบเทคโนโลยีอื่นๆ ภาพก็ยังมีความสว่างสู้แสงได้ดี ครบเครื่องน่าซื้อหามาใช้!! โดยทั่วไปเทคโนโลยี DLP จะใช้กันใน Viewsonic Projector, Acer Projector, BenQ Projector และมีใน Panasonic Projector บางรุ่น

LCD Projector

LCD (Liquid Crystal Display) Projector เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย คริสตันโมเลกุลอัดอยู่กลางระหว่างแผ่นกระจก เมื่อส่องแสงจะผ่านกระจกสะท้อนกรองสี แยกออกเป็น 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน ภายในจะประกอบไปด้วยแผงพิกเซล (Pixel) เล็กๆ ทำให้ความคมชัดของภาพมีความคมชัดสูง มีความสว่างของภาพมีหน่วยเป็น (Ansi Lumen) ความละเอียดสูงกว่า CRT Projector

1. มีค่าความสว่างของแสงสีมากถึง 3เท่าของระบบอื่น และความสว่างของแสงสีและแสงขาวเท่ากัน ทำให้สีสันสดใส สมจริง ไม่ออกขาวจนกลืนสีอื่นๆ ดูแล้วสบายตา..

2. ระบบ 3LCD จะไม่ทำให้มองเห็นเป็นสีรุ้งหรือที่เรียกว่า rainbow effect ด้วยประสิทธิภาพของการแยกสี 3สี ผ่านกระจกสะท้อนแล้วผ่านชิป3LCD ทำให้ ภาพที่ออกมาเป็นการประมวลผลและผสมเป็นภาพก่อนปล่อยออกมาทำให้เรามองเห็นนั้นเป็นสีที่แท้จริง จะไม่ปวดตาหรือสายตาล้า ถึงแม้คุณจะใส่แวนหรือสายตาไวต่อแสงก็ตาม

3. ค่า Colour Gamut เป็นค่าความแตกต่างของเฉดสีซึงจะวัดมาเป็นกราฟ Projector 3LCD จะมีค่า Colour Gamut ที่กว้างทำให้สามารถแสดงเฉดสีที่มีความใกล้เคียงกันได้อย่างชัดเจนเราจึงมองเห็นรายละเอียดของภาพโดยไม่เสียอรรถรสถ้าเราดูหนัง เป็นต้น

ส่วนมาก LCD Projector จะอยู่ใน Epson Projector และ Panasonic Projector

สรุป

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีภาพชนิดไหน ก็ไม่ได้เป็นตัววัดว่าโปรเจคเตอร์ชนิดนั้นจะดีกว่าเสมอไป เพราะจริงๆแล้วมันจะมีความแตกต่างในภาพที่เราได้มองเห็น เพราะฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับแต่ละตัวบุคคลว่า ชอบสีของภาพที่ออกมาในลักษณะไหนมากกว่ากัน นอกจากนี้ยังต้องดูอีกหลายๆปัจจัย เช่น ความละเอียดที่เหมาะสม หรือแสงที่ควรใช้ในพื้นๆที่นั้นๆ รวมถึง port ที่รองรับกับการใช้งานของเราอีกด้วย